ความเร็วรอบของ Bristle Blaster มีผลต่อคุณภาพผิวอย่างไร ควรปรับอย่างไรดี

Bristle Blaster เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ถึงแม้จะมีการใช้งานง่าย มีประสิทธิภาพในการเตรียมพื้นผิวสูง (Surface Preparing) มีความปลอดภัยสูงและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก็มีสิ่งที่เราควรจะรู้เพิ่มเติมไว้และใช้งานมันให้ได้อย่างถูกต้องนั่นก็คือเรื่องของการปรับความเร็วรอบ Bristle Blaster นั่นเอง

 

วันนี้ ArkcoThailand จะมาแนะนำ การปรับความเร็วรอบของ Bristle Blaster มีผลต่อคุณภาพผิวอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วก็ไปชมกันเลย

 

Table of Content

ความเร็วรอบของ Bristle Blaster ส่งผลต่อคุณภาพในการเตรียมพื้นผิวอย่างไร
ตัวอย่างการปรับใช้ความเร็วรอบให้เหมาะสมกับงานต่าง ๆ
   งานเตรียมพื้นผิวก่อนพ่นสีทั่วไป
   งานซ่อมเหล็กหรือโครงสร้าง
   งานเตรียมพื้นผิวใต้น้ำ
สรุป

 

ความเร็วรอบของ Bristle Blaster ส่งผลต่อคุณภาพในการเตรียมพื้นผิวอย่างไร

 

เนื่องจาก Bristle Blaster  งั้นไม่ได้มีการใช้ทรายในการเตรียมพื้นผิวแบบเครื่องพ่นทราย แต่จะใช้ในเรื่องของความเร็วรอบของขนแปรงอัจฉริยะใน Bristle Blaster ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพได้โดยตรงในการเตรียมพื้นผิว

เพราะการเตรียมพื้นผิวอย่างมีประสิทธิภาพนั้นจะต้องเช็คค่าของ Anchor Profile ให้เหมาะสมกับสารเคลือบที่เราจะต้องใช้ในการเคลือบพื้นผิวโลหะนั้นๆนั่นเอง ความเร็วรอบ Bristle Blaster  นั้นมักจะใช้หน่วย RPM (Revolutions Per Minute) ซึ่งเป็นลักษณะของพลังงานจลน์ที่แปลงส่งเข้าสู่พื้นผิวนั่นเอง

โดยความเร็วรอบมาตรฐานสำหรับ Bristle Blaster จากเอกสารหน้าเว็บไซต์ของ Montipower จะอยู่ที่สเปคโดยประมาณ 2,500-3,200 rpm ในรุ่นที่ใช้ไฟฟ้า และจะอยู่ที่  3500 rpm ในรุ่นที่ใช้แรงดันลม และในรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างรุ่น SubSea ที่ใช้ระบบไฮดรอลิคพลังงานน้ำก็จะอยู่ที่แรงดัน 400 บาร์ และให้การควบคุมอัตราการไหลของน้ำอยู่ที่ 40 ลิตรต่อนาที นั่นเอง

ซึ่งการสร้าง Anchor Profile โดยปกตินั้นจะใช้ความลึกอยู่ที่ 50-75 ไมครอนสำหรับงานสีอุตสาหกรรมอย่างเช่นสี Epoxy การสร้าง Anchor Profile แบบนี้ จะต้องมีการกำหนดความเร็วรอบให้เหมาะสมจึงจะสามารถทำให้ความลึกอยู่ในระดับที่เหมาะสมได้

โดยความเร็วรอบ Bristle Blaster ที่เหมาะสมจะอยู่ที่  2,500-3,500 rpm  เพราะเป็นจุดที่สามารถ Anchor Profile ได้สมำเสมออยู่ที่ 50-75 ไมครอน ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงสุดต่อการยึดติดของสารเคลือบหรือสีเคลือบต่างๆโดยเฉพาะสีเคลือบ Epoxy  และยังไม่เป็นอันตรายต่อพื้นผิวของโลหะอีกด้วย

แต่หากเราใช้ความเร็วรอบ Bristle Blaster ต่ำกว่า 2000 rpm จะทำให้การขัดผิวนั้นไม่ลึกและไม่สามารถสร้าง Anchor Profile ได้ตามมาตรฐาน ส่งผลให้เสี่ยงต่อการยึดเกาะของสีที่ไม่มั่นคงสีจะหลุดลอกง่ายในอนาคต และหากเราใช้ความเร็วรอบที่สูงเกินไปก็จะทำให้พื้นผิวเสียหายและทำให้ขนแปรงสึกหรอเร็วได้มากขึ้นอีกด้วย

 

ตัวอย่างการปรับใช้ความเร็วรอบให้เหมาะสมกับงานต่าง ๆ

 

งานเตรียมพื้นผิวก่อนพ่นสีทั่วไป 

 

โดยปกติแล้วงานเตรียมพื้นผิวก่อนพ่นสีทั่วไปนั้นจะใช้ค่าความลึกที่มีความสม่ำเสมอเป็นหลักซึ่งค่าความลึกที่มีความสม่ำเสมอจะทำให้พื้นผิวทั้งหมดมีความเรียบเนียนสวยงามปราศจากสิ่งสกปรกและช่วยทำให้สียึดเกาะติดกับพื้นผิวทั้งหมดได้

ตัวสีจะมีความทนทานยึดเกาะติดเรียบเนียนสวยงามไปทั้งชิ้นงานและทำให้ชิ้นงานนั้นมีมาตรฐานนั่นเอง ด้วยความเร็วรอบ Bristle Blaster ที่แนะนำในการทำงานแบบนี้ก็คือ 2800 - 3,200 rpm

 

งานซ่อมเหล็กหรือโครงสร้าง

 

สำหรับงานซ่อมเหล็กหรือโครงสร้างนั้นเราจะต้องใช้ความเร็วรอบ Bristle Blaster ให้ลดลงไปจากนิดเหลืออยู่ประมาณ 2,500-3,000 rpm โดยขึ้นอยู่กับลักษณะของโครงสร้างของเราหากเป็นเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงคงทนก็สามารถใช้ความเร็วรอบสูงได้แต่หากเป็นพื้นผิวโลหะพรีเมี่ยม

อาทิเช่นสแตนเลสหรือ อลูมิเนียมให้ลดความเร็วรอบลงอยู่ที่ 2000 rpm เพื่อป้องกันอันตรายต่อพื้นผิวโลหะเหล่านั้น และให้ทำงานเฉพาะจุดอย่างระมัดระวังไม่ให้เกินขอบเขตของจุดที่เราซ่อม

 

งานเตรียมพื้นผิวใต้น้ำ

 

ในงานเตรียมพื้นผิวใต้น้ำนั้นเราจะไม่ได้ใช้ตัวเลขที่เป็นความเร็วรอบเป็นหลักเพราะเครื่องรุ่น The Subsea Bristle Blaster นั้นเปลี่ยนไปใช้ระบบไฮดรอลิคพลังงานน้ำแทนจึงใช้หน่วยวัดเป็นแรงดันสูงซึ่งคล้าย ๆ กับเครื่องพ่นทรายแทน

โดยแรงดันที่เราจะใช้ก็จะอยู่ที่ 300-400 บาร์และให้ค่าอัตราไหลเวียนน้ำอยู่ที่ 40 ลิตรต่อนาที จะทำให้สามารถใช้เป็นพลังงานน้ำ ขับเคลื่อนขนแปรงโลหะชนิดพิเศษให้สามารถชอนไชเข้าไปทำความสะอาดพื้นผิวโลหะใต้น้ำได้

โดยเราควรที่จะใช้แรงดันน้ำให้สมดุลกันอยู่เสมอไม่ให้แรงหรือเบาเกินไปเพื่อประสิทธิภาพของชิ้นงานที่เรียบเนียนสวยงามเช่นเดียวกับการใช้ความเร็วรอบ Bristle Blaster ที่สม่ำเสมอนั่นเอง

 

สรุป

จะเห็นได้ว่าการใช้ความเร็ว Bristle Blaster และการกำหนดให้เหมาะสมกับงานต่างๆก็มีความสำคัญอย่างมากหากเราใช้ความเร็วรอบที่ไม่สม่ำเสมอก็จะทำให้การทำงานเตรียมพื้นผิวนั้นไม่มีประสิทธิภาพมากเพียงพอ หากเราใช้มากเกินไปก็จะทำให้ขนแปรงนั้นสึกหรอเร็วยิ่งขึ้นและทำให้เปลืองค่าบำรุงรักษามากยิ่งขึ้น  หากเราใช้น้อยเกินไปก็จะยิ่งทำให้งานเตรียมพื้นผิวของเรานั้นไร้ประสิทธิภาพนั่นเอง

 

ArkcoThailand เป็นผู้จัดจำหน่าย เครื่องขัดเหล็ก Montipower เครื่องพ่นสีไฟฟ้า Graco ระบบ Airless เครื่องพ่นทราย เครื่องวัดความหนาสี Elcometer

และอีกมากมาย

________________________________________________________________

ท่านสามารถสั่งซื้ออุปกรณ์ เครื่องมือเตรียมผิวงาน เครื่องพ่นสี เครื่องพ่นทราย เครื่องวัดความหนาสี ได้ที่

TEL
086-351-3941

Create at : 2025-05-29 08:39:11